เคล็ดลับน่ารู้เพื่อสุขภาพที่ดี
วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553
โยคะใบหน้า
วิธีทำใจทนทำงานก่อนเปลี่ยนงานใหม่
3 ปัจจัยเสี่ยงโรคริดสีดวง
เรื่อง : Booz-zaa
ใครจะเชื่อว่า การนั่งทำงานอย่างทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ลุกเดินไปไหน จะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวาร ที่สร้างความทรมานให้กับสาว ๆ วัยทำงานโดยไม่รู้ตัว
อีกทั้งการมีนิสัย และพฤติกรรมบางอย่าง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคนี้ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นสาว WP คนไหนที่ไม่อยากเสี่ยงกับโรคนี้ ควรเลิกพฤติกรรมเหล่านี้โดยด่วน!!
1. กินอาหารฟาสต์ฟู้ด หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "อาหารขยะ" ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากความรีบเร่งที่ต้องทำงานให้เสร็จทันเวลา เมนูอาหารขยะแบบอเมริกันจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ถูกเลือก นั่นหมายความว่า ร่างกายของคุณจะได้รับสารอาหารจำพวกกากใยอาหารจากผัก และผลไม้น้อยเกินไป ส่งผลให้เกิดปัญหาท้องผูกตามมาในที่สุด
2. น้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นผลมาจากการนั่งทำงาน โดยไม่มีการขยับร่างกาย หรือเคลื่อนไหวไปไหนมาไหน ร่างกายไม่ได้ออกกำลัง แถมยังต้องแบกรับน้ำหนักตัวเองทั้งหมดไว้ที่เท้า นอกจากจะทำให้คุณผู้หญิงเป็นโรคอ้วนแล้ว ยังถูกโรคริดสีดวงถามหาอีกด้วย ทางที่ดีควรลุกออกจากเก้าอี้ และหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วยืดเส้นยืดสายดูบ้างนะคะ
3. ท้องผูกเรื้อรัง เนื่องจากระบบขับถ่ายผิดปกติ ซึ่งเกิดจากนิสัยการกินที่ไม่สนใจใยดีผัก ผลไม้ บวกกับการนั่งทำงานหนักทั้งวัน ชนิดหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบขับถ่ายจึงทำงานผิดปกติ ไม่มีการขับถ่ายตอนเช้า เกิดการสะสมของเสียไว้ในร่างกาย ฉะนั้นสาว ๆ ที่กำลังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่โรคริดสีดวงจะถามหาในเร็ววัน
ทั้งนี้ "โรคริดสีดวงทวาร"' เกิดจากกลุ่มหลอดเลือด และเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ตรง หรือบริเวณรูทวารมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดดำที่ขยายใหญ่ขึ้น เกิดการโป่งพอง ยื่นออกมาให้เห็นเป็นหัว เรียกว่า "ริดสีดวง" ซึ่งอาจจะมีหลายหัว หรือหัวเดียวก็ได้ เมื่อนั่งจะทำให้เกิดการกดทับเนื้อที่ยื่นออกมาเป็นติ่ง ส่งผลให้เกิดการอักเสบ และเจ็บคัน
ประหยัดพลังงานและวิธีลดโลกร้อนง่าย ๆ
ปัจจุบันโลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน ๆ ส่งผลให้คนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านได้นาน ๆ เหมือนแต่ก่อน ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างเช่น แอร์ พัดลม ช่วยเพิ่มความเย็น และยิ่งโลกร้อนขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่า ผู้คนบนโลกยิ่งใช้พลังงานทำลายชั้นบรรยากาศของโลกมากขึ้นเท่านั้น . . . วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีวิธีดี ๆ ในการประหยัดพลังงานทุก ๆ อย่างในชีวิตประจำวันมาฝากกัน ที่จะช่วยให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดโลกร้อน ด้วยการเริ่มต้นประหยัดพลังงานกันตั้งแต่ในบ้านไป จนถึงที่ทำงานเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า คุณสามารถช่วยลดโลกร้อนในแต่ละวันอย่างไรได้บ้าง
พลังงานความร้อนและไฟฟ้า
1. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดานบ้าน เพื่อลดความร้อนและทำให้บ้านเย็น
2. ตั้งตู้เย็นไว้ในที่ที่ใกล้กับประตูหน้าต่าง เพื่อความร้อนที่ระบายออกมาจะได้ไม่สะท้อนกลับไปในห้องครัว และยังช่วยประหยัดไฟอีกด้วย
3. ในฤดูหนาวควรเปิดหน้าต่างให้ความเย็นเข้ามาในห้องตอนกลางคืน และปิดหน้าต่างตอนเช้า เพื่อให้ความเย็นภายในห้อง ไม่ถูกแทนที่ด้วยความร้อนจากแสงแดดตอนกลางวัน
4. คุณสามารถลดความร้อนในบ้านได้ถึง 50% หากติดกระจกแบบสองชั้น เพราะจะสามารถกันความร้อนได้ และช่วยคุณประหยัดไฟฟ้าได้อีก
5. เปิดแอร์ที่ 25 องศาเสมอ เพราะเป็นอุณหภูมิที่สบายที่สุด ที่คุณไม่ต้องนอนห่มผ้าตากแอร์เลย
6. ติดตั้งระบบไฟฟ้าหมุนเวียนภายในบ้าน
7. เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเกรด A ที่ไม่กินไฟ
8. เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ
9. อย่าใช้เครื่องปั่นผ้าในวันที่ฟ้าใส และแดดจัด เพราะอุณหภูมิของโลก สูงพอจะทำให้ผ้าแห้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงอยู่แล้ว
10. เสื้อผ้าน้อยชิ้นควรซักเองด้วยมือ ส่วนเครื่องซักผ้าควรใช้ในวันที่มีเสื้อผ้าเต็มตะกร้า
11. หากคุณต้องเปิดไฟในสวนหน้าบ้านทุกคืน ควรใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ชาร์จพลังงานตอนกลางวัน และเปิดไฟตอนกลางคืน
12. ถอดสายชาร์จโทรศัพท์มือถือออกจากเบ้าเสียบทุกครั้งที่ชาร์จเสร็จ เพราะมันกินไฟโดยเปล่าประโยชน์
พลังงานน้ำ
13. ตรวจสอบรอยรั่วของท่อประปา หรือรอยรั่วก๊อกน้ำแล้วอุดรอยรั่วนั้นให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้มันหยดทิ้งแม้น้อยนิดก็ตามที
14. หากคุณจะต้มน้ำ ควรใช้หม้อต้มน้ำที่พอดีกับปริมาณน้ำที่ต้องการใช้ เพราะขนาดภาชนะที่ใหญ่เกินไป มักจะทำให้เราใช้น้ำเกินความต้องการเสมอ
15. เวลาที่ชงชา ต้มน้ำในปริมาณที่คุณจะใช้เท่านั้น แม้มันจะดูน้อยนิดเกินไป แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำร้อนที่เหลือจากการชงชาค่อย ๆ เย็นโดยไม่ได้ใช้อะไรเลย
16. ปิดก๊อกน้ำทุกครั้งขณะที่คุณกำลังแปรงฟัน
17. ใช้ถังชักโครกที่ประหยัดน้ำ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำไปกับการชำระล้างโถส้วม เกินความจำเป็น
18. ใช้ฝักบัวอาบน้ำแทนการนอนแช่น้ำในอ่าง เพราะมันเปลืองน้ำกว่ามาก ๆ
อาหารและตู้เย็น
19. ตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังด้านละประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อให้ได้ระบายความร้อนได้สะดวก
20. ละลายน้ำแข็งในตู้เย็นเป็นประจำ
21. อย่าเปิดตู้เย็นทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินไป เพราะจะทำให้ความเย็นระบายออกมาหมดและทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก กินไฟมาก
22. ไม่ควรนำอาหารอุ่น ๆ หรือร้อนแช่ตู้เย็นเป็นอันขาด ควรวางไว้ให้เย็นก่อนแล้วค่อยนำเข้าตู้เย็นอีกครั้ง
23. ซื้ออาหารที่มีในท้องถิ่น เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องซื้อในปริมาณเยอะ ๆ แล้วนำมาตุนไว้ในช่องแช่แข็งจนไม่มีที่ว่าง
พลังงานขณะขับรถ
24. วางแผนการเดินทางทุกครั้งก่อนออกรถ เพื่อจะได้ไม่ต้องขับวนไปวนมาคิดซ้ายคิดขวาว่าจะไปทางไหนดี
25. ขับรถด้วยความเร็วที่คงที่เสมอ ที่สำคัญไม่ควรขับเร็วเกินความจำเป็นด้วย
26. ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้สักครู่ ก่อนออกรถ
27. ในกรณีที่รถติดไฟแดงในแยกที่รถติดนานกว่า 2 นาทีขึ้นไป ควรดับเครื่องยนต์ก่อนแล้วค่อยสตาร์ทใหม่
28. ไม่ควรเปิดแอร์ในรถเย็นเกินไป ใช้อุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น
29. หากต้องเดินทางไปสถานที่ใกล้ ๆ ที่ห่างจากบ้านไม่เกิน 5 กิโลเมตร ควรใช้วิธีเดินหรือปั่นจักรยานดีกว่า
30. อุปกรณ์แต่งรถหลาย ๆ อย่าง สามารถกินพลังงานเกินความจำเป็นได้ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องบอกทาง เป็นต้น
31. นำรถเข้าอู่เป็นประจำ เพื่อเช็คสภาพและการทำงานต่าง ๆ ของรถ
พลังงานขณะทำงาน
32. แม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายค่าไฟที่ทำงานเอง แต่ก็ควรใช้ไฟเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้หรือในห้องที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อช่วยโลกประหยัดไฟ
33. ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อคุณต้องลุกออกไปที่ไหนนาน ๆ เช่น ทานข้าว ไปประชุม หรือแม้แต่ออกไปยืดเส้นยืดสาย
34. ใช้กระดาษทั้งสองหน้า อย่าใช้เพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
35. หากสามารถเปิดหน้าต่างได้ ควรหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ในวันที่อากาศสบาย ๆ
36. ควรใช้ลิฟต์ในออฟฟิศพร้อม ๆ กับคนอื่น ขณะเดียวกัน คุณสามารถเดินขึ้นบันไดได้หากห้องทำงานของคุณไม่ได้อยู่สูงถึงชั้น 7
37. สำหรับข้อมูลบางอย่างที่สามารถอ่านผ่านคอมพิวเตอร์ได้ บางครั้งคุณก็ไม่จำเป็นต้องปรินท์เอาท์ออกมา
และนี่ก็คือวิธีง่าย ๆ ในการช่วยลดโลกร้อนที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตระหนักถึงคุณค่าของพลังงานและภาวะโลกร้อน เริ่มต้นประหยัดพลังงานกันตั้งแต่วันนี้นะคะ อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยยืดเวลาให้โลกไม่ร้อนไปกว่านี้ได้ไม่น้อยเลยล่ะ
ข้าวกล้องมีอะไรดี
วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553
"น้ำทับทิม" ป้องกันสมองเสื่อม
อาการสมองเสื่อม สามารถป้องกันด้วย ‘ทับทิม’ ผลไม้มากคุณค่า สีสันสวยงาม
โดยคุณพล ตัณฑเสถียร ฟู้ดสไตลิสต์คนดัง สร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มแก้วเก๋ ชื่อ ‘Red Shooter’
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณป้องกันอาการหลง ๆ ลืม ๆ ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ในส่วนของเมล็ดยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระตัวการก่อมะเร็ง นอกจากทับทิมแล้ว เครื่องดื่มแก้วนี้ยังต้องการส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไปอีก มีทั้งแตงโม มะนาว ส้ม และสับปะรด ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินซี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และทำให้แผลหายเร็วอีกด้วยสรุปส่วนผสมที่ต้องเตรียม คือ
ทับทิม
แตงโม
มะนาว
ส้ม
สับปะรด
วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553
ประโยชน์จากเปลือกแอปเปิ้ล
ป้องกันมะเร็งไส้ใหญ่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมีสารฟลาโวนอยด์สูง มันทำหน้าที่เป็นตัวล้างพิษ มีอยู่อย่างอุดมในเปลือกของแอปเปิ้ล ช่วยป้องกันโมเลกุลหรืออนุมูลอิสระไม่ให้ทำอันตรายเนื้อเยื่อ
นักวิทยาศาสตร์โปแลนด์พบอีกว่า หากกินแอปเปิ้ล ผลไม้ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าบำรุงสุขภาพ ให้ได้วันละหนึ่งลูก จะป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้วารสารวิชา "การป้องกันมะเร็งแห่งยุโรป" แจ้งว่า นักวิจัยได้ศึกษาโดยการให้คนไข้โรคมะเร็งชนิดนั้น กินแอปเปิ้ลประจำวันอาทิตย์ละ 9.5 หน ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ปรากฏว่าโรคสามารถพัฒนาไปได้น้อยลง คนไข้รายที่กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ลูก โรคจะทุเลาลงในอัตรา 0.65 ส่วนรายที่กินมากกว่านั้น ปรากฏว่า อันตรายของโรค จะลดลงได้ประมาณถึงครึ่งพวกเขาเชื่อว่าคุณสมบัติในด้านป้องกันของมัน คงมาจากการที่มีสารฟลาโวนอยด์สูง มันทำหน้าที่เป็นตัวล้างพิษ มีอยู่อย่างอุดมในเปลือกของแอปเปิ้ล ช่วยป้องกันโมเลกุลหรืออนุมูลอิสระไม่ให้ทำอันตรายเนื้อเยื่อ และยังยับยั้งอาการตั้งต้นของโรค และการเติบโตกับขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วของเซลล์ด้วยนักวิจัยยังได้แนะนำว่า เนื่องจากสารต่อต้านอนุมูลอิสระจะรวมกันอยู่ตามเปลือก มากกว่าในเนื้อถึง 5 เท่า ดังนั้น เวลากินจึงไม่ควรปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาดอย่างเดียวก็พอ